วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ช่วงล่างจะแข็ง จะนิ่ม ก็อยู่กับระบบนี้และ

ระบบกันสะเทือน SUSPENSION SYSTEM 
คำว่าระบบกันสะเทือน อาจชวนให้หลายคนข้าใจว่า หมายถึง แหนบหรือสปริงที่รองรับระหว่างเพลาล้อกับตัวถัง มีไว้เพื่อทำให้คนขับและคนนั่งในรถยนต์ไม่กระเด็นกระดอนทุกระยะของการเดินทาง อย่างโหดร้ายทารุณ จริงอยู่ ระบบกันสะเทือนมีหน้าที่เอื้ออำนวยความสบายในการโดยสารตามอัตภาพ แต่หน้าที่สำคัญที่แท้จริงของระบบกันสะเทือน ก็คือ ความปลอดภัยในการใช้งานรถยนต์ อันได้แก่ การควบคุมให้อยู่ในเส้นทาง คงมีผู้ใช้รถจำนวนหนึ่งที่เข้าใจว่า ระบบกันสะเทือนต้องทำงานดุเดือดโหดร้ายขนาดใด ในทุกนาที่ที่รถเคลื่อนที่ไปบนถนนหนทาง ชุดกันสะเทือนต้องเคลื่อนไหวต่อสู้กับแรงต่างๆตลอดเวลา และรอบข้างทั้งขึ้นลงซ้ายขวาและเมื่อเข้าโค้งแรงมหาศาลของน้ำหนักรถกำลังขับเคลื่อนแรงเหวี่ยงจะเพิ่มความหนักของงานให้กับระบบกันสะเทือนอย่างมาก สปริง หรือแหนบ เพียงอย่างหนึ่งอย่างใดทำงานอย่างที่กล่าวมาแล้วด้วยตัวเอง ไม่ได้แน่นอน ระบบกันสะเทือนมีใช้กันหลายแบบลองมารู้จักกับการดูแลรักษากันบ้างเผื่อจะนึกได้ว่า แบบไหนอยู่ในรถของคุณ และควรจะสนใจตรงไหน
ล้อหน้า

ระบบแม็คเฟอร์สันสตรัท

ชุดกันสะเทือนทุกแบบจะต้องถูกยึดอย่างแข็งแรง แต่ก็จะต้องขับตัวทำงานได้อย่างคล่องแคล่ว ในเวลาเดียวกันอีกด้วย สำหรับระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทนี้มักจะใช้กับล้อหน้าของรถหลายแบบ ลักษณะเป็นโช้คอัพยาว มีแกนเพลาล้อติดอยู่กับปลายล่างของโช้คอัพ และมีเอเฟรมยึดส่วนล่างของโช้คอัพนี้กีบแชสซีส์ของรถ

โดยปกติแล้วเจ้าของรถส่วนมากจะปล่อยให้การซ่อมแซมชุดกันสะเทือนนี้เป็นหน้าที่ของช่างโดยเฉพาะ แต่การดูแลส่วนประกอบก็สามารถทำได้ โดยเจ้าของรถเอง จุดแรกที่ควรได้รับการตรวจสอบเสมอ ได้แก่กระพุ้งล้อภายในห้องเครื่อง ส่วนที่ปลายบนของโช้คอัพยึดอยู่ จุดนี้เป็นจุดที่ต้องรับแรงมากจะสังเกตเห็นว่ามีแผ่นเหล็กเสริมรับแรงอยู่และปลายบนของชุดกันสะเทือนแม็คเฟอร์สันสตรัทจะยึดอยู่กับตัวถังที่จุดนี้ด้วยน็อตสามหรือสี่ตัว ควรตรวจความแน่นอนของน็อตยึดเหล่านี้ รวมถึงรอยแตกร้าว หรือยึดรูปของโลหะ จากนั้นก็ตรวจดูว่า มีน้ำมันรั่วบริเวณกระบอกโช้คอัพภายในขดสปริงหรือไม่แล้วลองตรวจการทำงานของโช้คอัพ โดยการขย่มรถลงแรงๆครั้งหนึ่ง รถควรจะเด้งคืนสู่ลักษณะเดิมในครั้งเดียวถ้าเกินกว่านี้หรือพบน้ำมันรั่ว ควรส่งรถให้ช่างตรวจซ่อม โช้คอัพของระบบกันสะเทือนแบบแม็คเฟอร์สันสตรัทนี้มีราคาแพงมาก แต่ก็มีชุดซ่อม ซึ่งสามารถนำมาเปลี่ยนชิ้นส่วนภายในได้โดยช่างชำนาญงาน อย่างไรก็ตาม หากความเสียหายเกิดขึ้นกับแกนเพลาล้ออันเป็นส่วนหนึ่งของโช้คอัพแล้ว ก็อาจจะต้องเปลี่ยนโช้คอัพทั้งตัว

ระบบปีกนกคู่
ระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่(Double wishbone) มีปีกนกซ้อนกันอยู่สองชั้นโดยคอยล์สปริงและโช้คอัพอยู่ระหว่งปีกนก ที่มีปลายข้างสองปีกยึดติดอยู่กับแชสซีส์ของรถ การตรวจสอบระบบกันสะเทือนนี้ ทำเช่นเดียวกับระบบอื่นอันได้แก่การขย่มรถ และตรวจความรั่วซึมของโช้คอัพ นอกจากนั้น เป็นการตรวจความยึดแน่นระหว่างปลายปีกนกกับตัวแชสซีส์ โดยการดึงปีกออก และดันเข้าหาตัวรถ ถ้าปีกนกเคลื่อนไหวได้ในแนวนี้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่า บู๊ชปีกนกหลวม ควรนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้ โช้คอัพของระบบกันสะเทือนแบบปีกนกคู่มักเป็นโช้คอัพขนาดสั้นกว่าแบบแม็เฟอร์สันสตรัท และปีกนกเดี่ยว ซ่อมไม่ได้ หากเสียจากการรั่วของน้ำมันหรือหมดประสิทธิภาพในการซึมซับแรงกระแทกอันตรวจสอบโดยการขย่มรถได้แล้ว ควรเปลี่ยนใหม่ และเปลี่ยนทั้งสองข้างซ้ายขวาคู่กัน เพื่อให้เป็นโช้คอัพที่มีประสิทธิภาพทัดเทียมกันทั้งคู่

ระบบแหนบขวาง

โดยมากจะพบในรถรุ่นเก่า ระบบนี้ใช้ตับแหนบ วางขวางขนานกับด้านหน้าของรถ ปลายแต่ละข้างของแหนบจับอยู่กับแกนใต้ปีกนกเดี่ยวตัวล่าง หรือ เอเฟรมบนปีนกจะเป็นที่ตั้งของโช้คอัพแบบเทเลสโคปิดส่วนล่าง โช้คอัพส่วนบนยึดติดกับด้านบนของกระพุ้งล้อ ภายในบังโคลนหน้าในระบบนี้ การตรวจสอบก็ทำเช่นระบบอื่น หากแต่ว่า เมื่อเป็นรถรุ่นเก่า จึงมักจะต้องอัดจารบีตามข้อต่อต่างๆ ตามระยะเวลา

ล้อหลัง

ฮอทช์คิสส์ ไดรฟ์

ในรถยนต์เก๋งขนาดกลางสมัยใหม่เกือบจะไม่ใช้ระบบนี้กันแล้ว ระบบกันสะเทือนแบบนี้เรียกกันง่ายๆ ในบ้านเราว่า”แบบแหนบ” เพราะใช้แหนบวางขนานกับความยาวของตัวรถโดยปลายทั้งสองข้างจับอยู่กับแชสซีส์และยึดส่วนกลางของแหนบอยู่กับเพลาล้อ รถที่ต้องรับน้ำหนักสูงมีช่วงยุบตัวมากเช่น รถปิคอัพ รถบรรทุก จะวางแหนบบนเพลาล้อ ส่วนรถยนต์มักจะวางเพลาบนแหนบ เรียกกันว่าแบบเพลาลอย การดูแลรักษาระบบกันสะเทือนนี้เริ่มด้วยการตรวจสอบความแน่นของน็อตรัดหูยึดแหนบ น็อตและยางหูแหนบทั้งสองปลายลูกยางรับแรงกระแทก ที่ยึดกับตัวถังหรือเสื้อเพลาซึ่งจะต้องยึดไว้อย่างมั่นคงปลายของแหนบ ที่ต่อกับแชสซีส์ของรถยนต์อาจมีหรือไม่มีเหล็กปะกับเป็นหูแหนบ แต่จะต้องมีบู๊ชยางอยู่ภายในวงกลามปลายแหนบ เพื่อกันการเสียดสีโดยตรงของแหนบกับน็อตยึด ซึ่งจะต้องตรวจบู๊ชยางว่าอยู่ในสภาพเรียบร้อยหรือไม่ ในบางครั้งจะมีเสียงออดแอดจากการทำงาน อาจแก้ให้หายได้โดยการพ่นน้ำมันหล่อลื่นแบบกราฟไฟท์เข้าไปในบริเวณนี้ กลางตับแหนบจะมีน็อตยาวร้อยยึดตัวแหนบทุกใบเข้าด้วยกันน็อตตัวนี้เรียกกันว่า “สะดือแหนบ” หากหลวมหรือขาด รถจะวิ่งเซ หรือเอียงไปข้างหนึ่งโดยปกติแล้ว ใช้ประแจบล็อกสอดข้างใต้แผงยึดแหนบกับเพลาเข้าไปขันกวดให้แน่นได้โช้คอัพของระบบนี้ก็เหมือนระบบอื่นที่ต้องคอยดูแลให้ก็เหมือนระบบอื่นที่ต้องคอยดูแลให้ยางหูโช้คอัพอยู่ในสภาพดี และตัวโช้คอัพไม่มีรอยรั่วซึม ในรถยนต์เก๋งส่วนมากจะต้องถอดเบาะหลังออกจึงจะเห็นฝาที่ทำด้วยยาง หรือโลหะเปิดได้ ซึ่งเมื่อเปิดฝานี้ ก็จะตรวจสภาพหูยึดโช้คอัพด้านบน และยางโช้คอัพได้ยางโช้คอัพนี้จะมีประกอบกันอยู่ 2 อัน หรือเป็นแบบกลมใช้น็อตร้อยก็ได้ ในบางครั้ง ยางหูโช้คอัพขาดหลุด โช้คอัพหลวม ทำงานรับแรงได้ไม่เต็มที่ เจ้าของรถอาจเปลี่ยนเองได้ง่ายๆ โดยการถอดน็อตออก ใส่ลูกยางตามแบบเดิมเข้าไป โดยการกดโช้คอัพลงก่อน เมื่อใส่ลูกยางตัวล่างแล้วจึงดึงโช้คอัพ ให้แกนโผล่พ้นรูรับ แล้ววางยางตัวบนประกอบใส่แหวนขันน็อตพอให้ยางยุบตัวเล็กน้อย ใช้รถไปสักสามสี่วัน เปิดออกมา ขันกวดน็อตอีกครั้งก็ได้ สำหรับโช้คอัพชนิดใช้ยางแบบสอดรูบนหรือล่างก็เปลี่ยนได้ง่าย โดยที่แทบไม่ต้องยกรถขึ้นโดยแม่แรง เพราะส่วนหลังรถมักจะสูงพอที่จะนอนทำได้ ขั้นแรกก็ถอดน็อต ดึงตัวโช้คอัพหลบทางไปเพื่อใส่ยางเสียก่อนจะใส่กลับเท่านั้น เพราะโช้คอัพจะเอียงตัวได้พอ ถึงแม้จะถูกยึดปลายใดปลายหนึ่งไว้ ลูกยางโช้คอัพมีขายทั่วไป ราคาอันละ 4-5 บาท สำหรับแบบประกอบ และประมาณ 7-10 บาท สำหรับแบบใส่หูโช้คอัพ

เทรลลิ่งอาร์ม
ระบบเทรลลิ่งอาร์ม เป็นแบบที่ใช้กันมากในระบบนี้จะมีแขนยื่นออกมาจากแชสซีส์ จับเข้ากับเสื้อเพลาหรือดุมล้อ ในกรณีของระบบกันสะเทือนอิสระของแต่ละล้อมี่สปริงขดรับน้ำหนัก ซึ่งอาจจะวางอยู่บนแขนหรือบนแป้นที่ตัวเพลาล้อ เช่นเดียวกับโช้คอัพ การดูแลรักษาและตรวจสอบระบบนี้ ก็คือตรวจการหล่อลื่นของจุดที่อัดจารบีตามกำหนดเวลา

ตรวจความสึกหรอของจุดยึดต่างๆและลูกยาง

ระบบกันสะเทือน แบบปีกนกคู่อาจถูกนำมาใช้กับล้อหลัง โดยมีความแตกต่างกับการใช้กับล้อหน้าในบางส่วน เช่น ส่วนกว้างของปีกนกอยู่ใกล้กับล้อมากกว่า และอาจมี ไทรอด (Tie rod) เพื่อช่วยรับการโยนตัวของรถขณะออกรถเร่งความเร็วหรือหยุดรถ

ระบบกันสะเทือนของโฟล์คสวาเก้น
อันที่จริงแล้วระบบกันสะเทือนของโฟล์คสวาเก้นก็เหมือนกับรถอื่นเสียแต่ในรถโฟล์ค บีทเติ้ล และไมโครบัสนั้น บางคนหาแหนบ หรือสปริงรับน้ำหนักไม่พบ ทั้งๆที่เมื่อลองกดขย่มรถก็ทราบว่ามีสปริงอยู่ข้างใต้แน่นอนแต่มองไม่เห็น
ระบบของโฟล์ค บีทเติ้ล เป็นแบบแหนบขวางซ่อนอยู่ในท่อกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสองนิ้วกว่าเล็กน้อย ซึ่งทำหน้าที่เป็นคานของช่วงหน้าและหลังในขณะเดียวกันเลยแหนบที่ซ่อนอยู่ภายในเป็นแผ่นเหล็กแบน กว้างประมาณหนึ่งนิ้ว ซ้อนกันสามแผ่นยาวตลอดท่อ โผล่ปลายออกมาประมาณข้างละหนึ่งนิ้ว และมีแขนจับจากปลายนี้ลงไปต่อกับชุดล้อ กลางท่อดังกล่าวจะมีน็อตขันทะลุลงไปจับแผ่นแหนบดังกล่าวเอาไว้ไม่ให้เขยื้อนได้ ในจังหวะที่ล้อเคลื่อนที่เอง แผ่นแหนบจะบิดตัวฝืนไว้เหมือนสปริง และมีโช้คอัพช่วยซับแรงอยู่

ระบบทีโฟล์คใช้นี้ เหมือนกับระบบทอร์ชั่นบาร์ 
โฟล์คใช้แหนบสองชุดกับช่วงหน้า และชุดหนึ่งกับช่วงหลัง ซึ่งใหญ่กว่าช่วงหน้า
การดูแลรักษาระบบกันสะเทือนของโฟล์ค ได้แก่การตรวจความรั่วซึมของน้ำมันโช้คอัพ และอัดจารบีเข้าในท่อแหนบกับช่วงหมุนต่างๆ ของระบบและในทุกครั้งที่นำรถเดินทางผ่านเส้นทางทุรกันดาร หรือทุกหกเดือน ควรเปิดช่องในที่เก็บยางอะไหล่ ตรวจสอบความแน่นของน็อตยึดช่วงหน้าระหว่างตัวถังกับท่อแหนบอันเป็นคานรถด้วย บางครั้งน็อตหลวมหรือหลุดหน้ารถจะทรุดต่ำลง อันเป็นอาการเดียวกันกับแหนบล้าชุดแหนบดังกล่าวราคาตับละประมาณหนึ่งพันบาท ถ้าเปลี่ยนตับหน้า ควรเปลี่ยนทั้งสองตับในเวลาเดียวกัน

ไฮโดรแก้ส
ระบบนี้ไม่เหมือนกับทั่วๆไป เพราะไม่ใช้สปริงหรือโช้คอัพ แต่ทำงานโดยแก้ส และน้ำมันในชุดลูกสูบซึ่งจะมีแขนยึดต่อกับแต่ละล้อ และจะมีท่อน้ำมันเชื่อมต่อระหว่างชุดลูกสูบของล้อหน้าและล้อหลังแต่ละข้าง ในระบบนี้ เมื่อล้อหน้าสะเทือน แขนจะดันลูกสูบขึ้น ทำให้น้ำมันไฮดรอลิคมีแรงอัดกับแก้สส่วนบนซับแรงสะเทือนและน้ำมันจะไหลไปตามท่อสู่ชุดลูกสูบของล้อหลัง ยกตัวรถด้านท้ายขึ้น อันเป็นลักษณะเดียวกับเมื่อล้อหลังยกตัวขึ้นอาการนี้จะช่วยลดการโยนตัวหน้าหลังของรถ และให้ผู้โดยสารได้รับความสบายในการโดยสาร การตรวจสอบระบบนี้ จะตรวจความรั่วซึมของน้ำมันที่บริเวณชุดลูกสูบ และข้อต่อท่อ ระหว่างล้อหน้า-หลังทุกเดือน หรือเร็วกว่านั้น

ระบบกันสะเทือนของซีตรอง
รถซีตรองไฮโดร-นิวแมติก กับระบบกันสะเทือนมาหลายปีแล้วในระบบนี้ เมื่อแขนต่อล้อกับชุดกันสะเทือนเคลื่อนตัวเปลี่ยนระดับขึ้นน้ำมันจะถูกดันต้านกัยแก้สในหม้อรูปกรวย ซึ่งบรรจุน้ำมันและแก้สไว้ แยกกันโดยแผ่นไดอะแฟรมยาง ในขณะที่ล้อตกต่ำลง แก้สจะช่วยดันสู้กับน้ำมันอันเป็นการกับการทำงาน
ระบบของซีตรอง บังคับให้สูงได้สามระดับ ได้โดยก้านบังคับ ปั๊มดูดจ่ายน้ำมันจากห้องเก็บในห้องขับขี่และมีชุดกรวยกันสะเทือนนี้ กับแต่ละล้อไม่เชื่อมโยงกัน 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น