วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การชน ส่วนหนึ่งก็มาจากเบรกแตก เพราะฉะนั้น วันนี้เรามาพูดถีงระบบเบรกกันดีกว่าน่ะ

 ระบบเบรก 
แม้ว่าสมรรถนะของรถยนต์จะยอดเยี่ยมเพียงใด ประสิทธิภาพในการหยุด ก็ยิ่งความสำคัญมากเท่านั้นวันนี้ช่างฮอนด้าขอแนะนำการดูแล
รักษาระบบเบรกเบื้องต้น เพื่อให้เจ้าของรถสามารถ ช่วยเหลือตัวเอง ผ่านสถานการณ์ฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องรอคอยความช่วยเหลือให้เสีย
เวลา

น้ำมันเบรก
น้ำมันเบรกเปรียบเสมือนโลหิตหล่อเลี้ยงชีวิตของระบบเบรกทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง น้ำมันเบรก
ซึ่งก็คือน้ำมันไฮดรอลิกชนิดหนึ่ง ที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดแรงกดเมื่อเราห้ามล้อโดยใช้เท้ากดแป้นเบรกเท่ากับเรา ส่งแรงกดนั้น ผ่านน้ำมันเบรกไปยังชิ้นส่วนที่ปลายท่ออีกด้วยหนึ่ง เพื่อควบคุมให้รถหยุดการดูแลเบื้องต้น ควรหมั่นตรวจสอบระดับน้ำมันเบรกเสมอ
หากระดับน้ำมันเบรกต่ำลงไป หรือเกิดการปนเปื้อนย่อมทำให้ประสิทธิภาพของระบบเบรกเสียหากระดับน้ำมัน
เบรกต่ำกว่าระดับต่ำสุด (Min.) หมายความว่าผ้าเบรกสึกหรอบางลง แสดงว่าถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ้าเบรกแล้ว และถ้ายิ่งต้องกดแป้นเบรกต่ำกว่าเดิมมาก หมายถึงระดับน้ำมันเบรกต่ำลงกว่า ขีดต่ำสุดที่ยอมรับได้ซึ่งเป็นสถานการณ์อันตรายสุดนอกจากนี้หากระดับน้ำมัน เบรกพร่องเร็ว เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าอาจมีการรั่วซึมในระบบ สังเกตรอยหยดหรือคราบน้ำมันเบรกหลังจากจอดรถข้ามคืนซึ่งจะบอกถึงบริเวณ ที่เกิดการรั่วซึมได้ หากพบรอยรั่วซึมใด ๆ ควรให้ช่างแก้ไขโดยเร็วที่สุด
สัญญาณอีกอย่างที่บอกถึงความผิดปกติของระบบเบรกคือ 
ความรู้สึกหยุ่นเท้า เวลาเหยียบ เบรกตามปกติ แสดงว่ามีอากาศรั่วเข้าไปใน ระบบน้ำมันเบรก ทำให้คุณสมบัติ คล้ายแท่งโลหะของน้ำมันเบรกเสียไปอากาศจะเข้าจากปลายเปิดของระบบ ท่อน้ำมันเบรกได้ทุกที่ ที่เกิดสภาพ
ที่ว่านั้น เช่น ท่อแตก รั่ว หลวมเป็นต้น หรือเข้าทางกระปุกสำหรับเติมน้ำมันเบรก
การเติมน้ำมันเบรกใหม่
ควรใช้ชนิดและยี่ห้อเดียวกับที่ใช้อยู่เดิมห้ามผสมข้ามยี่ห้อ และใช้ผิด จากที่ระบุในคู่มือประจำรถ (DOT 3, 4 หรือ 5) จากภาชนะที่ปิดสนิท กระป๋องน้ำมันเบรกที่เปิดทิ้งไว้จะมีน้ำจากไอน้ำในอากาศเข้าผสมทำให้ ประสิทธิภาพลดลง และน้ำจะเป็นตัวก่อให้เกิดสนิม กับชิ้นส่วนโลหะในระบบเบรกได้
น้ำมันเบรกสามารถผสมหรือปนเปื้อนในบรรยากาศได้ตลอดเวลา จึงต้องถ่ายทิ้ง และเปลี่ยน
น้ำมันเบรกใหม่ทั้งระบบเมื่อถึงกำหนดที่ระบุไว้ในคู่มือประจำรถของท่าน ปกติจะเป็นทุก ปี หรือระยะทางใช้งาน 20,000


ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS
ABS : ความปลอดภัยที่ต้องเรียนรู้
รถยนต์ทุกคันล้วนมีระบบเบรกพื้นฐานแต่การเบรกกระทันหันอย่างรุนแรง หรือบนเส้นทางลื่นยังเสี่ยงต่อการเกิดอาการล้อล็อก ABS จึงถูกเสริมเข้ามาเพื่อลดความเสี่ยงนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ล้วนมีการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรกพื้นฐานอยู่ตลอด เพื่อการหยุดการขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สมรรถนะสูงที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการ พัฒนา เพิ่มแรงม้าอย่างสมบูรณ์ที่สุด เช่น ดิสก์เบรกที่ระบายความร้อนได้ดี ผ้าเบรกเนื้อเยี่ยม และอีกสารพัดแนวทาง ไม่ว่าจะมีการพัฒนาระบบเบรกพื้นฐานให้เหนือชั้นขึ้นเพียงใด ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง ที่เสี่ยงต่อการ
เกิดอุบัติเหตุ คือ เบรกแล้วเกิดอาการล้อล็อก-หยุดหมุน ในขณะที่ตัวรถยนต์ ยังพยายามเคลื่อนที่อยู่ เช่น เมื่อมีการเบรกกระทันหันอย่างรวดเร็วรุนแรง หรือการเบรก บนเส้นทางลื่น เมื่อล้อล็อกก็จะส่งผลให้พวงมาลัยไม่สามารถควบคุมทิศทาง ได้ตามปกติหรือรถยนต์ปัดเป๋หมุนคว้างได้ แม้ผู้ขับมือดี จะมีแนวทางแก้ไขด้วยตัวเองโดยการตั้งสติกดเบรกหนักแต่พอประมาณ แล้วปล่อยออกมาเพื่อย้ำซ้ำ ๆ ถี่ ๆ ไม่กดแช่ เพื่อไม่ให้ล้อล็อก แต่ในการขับจริงทำได้ยาก เพราะอาจขาดการตั้งสติ คิดไม่ทัน หรือย้ำได้แต่ไม่ถี่พอ
สถานการณ์ใดบ้าง ที่ต้องการABS
ในประเทศที่มีหิมะตก หรือพื้นเส้นทางเคลือบไปด้วยน้ำแข็ง เอบีเอสมีโอกาสได้ทำงานบ่อย แต่ในประเทศแถบร้อนทั่วไป เอบีเอสก็มี โอกาสได้ทำงานพอสมควร เช่น การเบรก บนถนนเรียบ แต่เปียกไปด้วยน้ำ ทางโค้งฝุ่นทราย รวมถึงถนนเรียบแห้งสะอาด แต่มีการเบรกกะทันหันอย่างรวดเร็วรุนแรง โดยไม่ค่อยมีใครมองถึงประโยชน์ของเอบีเอส ในการเบรกขณะที่แต่ละล้อสัมผัสผิวเส้นทางที่มีความลื่อนต่างกัน เช่น การหลบลงไหล่ทาง แค่ ล้อ ซึ่งมี ล้อด้านขวาอยู่บนถนนฝืดแต่อีก 2 ล้อด้านซ้ายอยู่บนไหล่ทางผิวกรวดทราย ถ้าเบรกแรง ๆ แล้วรถยนต์อาจหมุนคว้างได้
หากนึกภาพการเบรกเมื่อแต่ละล้อสัมผัสผิวเส้นทางที่ลื่นต่างกันไม่ออกมีตัวอย่างชัดเจน จากการทดสอบรถยนต์ในต่างประเทศ ในสนามทดสอบมีการปูกระเบื้องผิวลื่นมาก เป็นแถบยาว แทรกไว้บนด้านหนึ่งของผิวคอนกรีตหรือยางมะตอยที่มีความฝืดตามปกติ แล้วมีการฉีดพรมน้ำตลอด เริ่มจากการขับรถยนต์ที่ไม่มีเอบีเอส ให้ ล้อในซีกซ้ายแล่นบน ผิวถนนปกติ และอีก ล้อ ซีกขวาแล่นบนกระเบื้องเปียก เมื่อกดเบรกอย่างแรง รถยนต์ จะหมุนคว้างในทันที เพราะ ล้อที่อยู่บนกระเบื้องเปียกจะหยุดหมุนล็อกอย่างรวดเร็ว แล้วเมื่อทดสอบด้วรถยนต์ที่มีเอบีเอส ก็สามารถเบรกได้ในขณะที่รถยนต์ยังตรงเส้นทางอยู่ ส่วนบนเส้นทางวิบาก เช่น ลูกรัง ฝุ่น ทราย เอบีเอสช่วยได้ดีเมื่อต้องเบรกแรง ๆ หรือกระทันหัน
มี วิธีในการหยุด คือ

1. 
เสมือนไม่มีเอบีเอส 
หยุดซอยเท้าในทันทีพื้นรองเท้าก็จะครูดไปกับคอนกรีตไม่ไกล แล้วหยุดสนิทกับ

2. 
กระทำเสมือนมีเอบีเอส 
ค่อย ๆ ลดความเร็วในการซอยเท้า ก่อนที่จะหยุดสนิท แม้พื้นรองเท้าจะไม่ครูดไปกับคอนกรีตแต่ก็จะ
ไม่ได้ระยะหยุดสั้นกว่าการหยุดแบบ หยุดซอยเท้าในทันทีแล้วปล่อยให้ครูด หากวิ่งบนลานน้ำแข็ง แล้วใช้ วิธีในการหยุด เหมือนเดิม คือ

3. 
เสมือนไม่มีเอบีเอส 
หยุดซอยเท้าในทันที พื้นรองเท้าก็จะครูดไปกับผิวน้ำแข็ง มีระยะทางไกล กว่าจะหยุดสนิททั้งยังลื่นไถล
ปัดเป๋ไร้ทิศทาง

4. 
การทำเสมือนมีเอบีเอส
ค่อย ๆ ลดความเร็วในการซอยเท้าลงช้า ๆ ก่อนที่จะหยุดสนิท พื้นรองเท้าจะไม่ครูดไปกับผิวน้ำแข็ง ไม่ลื่นไถลและไม่ปัดเป๋ แล้วก็จะได้ระยะหยุดสั้นกว่าการหยุดแบบหยุดซอยเท้าในทันที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น